วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

cloud computing

จับกระแส Cloud computing รู้ไว้ไม่ตกเทรนด์

Cloud computing เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีมาแรง ซึ่ง การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ เป็นการทำงานโดยเปลี่ยนรูปแบบการทำงานบนคอมพิวเตอร์จากการมีเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัว ไปเป็นการเก็บข้อมูล และประมวลผลผ่านระบบของผู้ให้บริการ (Cloud Provider)และสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านอุปกรณ์ทางเทคโนโลยี Computer ,Smartphone หรือ Tablet

cloud1
อินเตอร์เน็ตเกี่ยวข้องอย่างไรกับ Cloud Computingได้?
จากการที่เราต่อคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ต่างๆเข้ากับเครือข่าย อินเตอร์เน็ต เราก็สามารถได้บริการหรือได้ใช้ทรัพยากรที่อยู่ระยะไกลเพื่อสนองต่อความต้องการของเราได้ Cloud Computing จึงถูกมองว่าเป็นเมฆที่ปกคลุมทรัพยากรและบริการมากมาย เทียบได้กับเครือข่ายอินเตอร์เน็ตที่ต่อกับบริการและทรัพยากรจำนวนมหาศาล เมื่อเป็น Cloud Computing เราจะมองว่าอินเตอร์เน็ตคือเมฆ และเมื่อไหร่ที่เราต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับเมฆแล้ว เราก็สามารถเข้าถึงและใช้ทรัพยากรจำนวนมหาศาลที่ต่อกับเมฆได้
เมื่อเว็บก้าวสู่ยุค  Web 2.0 ซึ่งเป็นยุคสังคมออนไลน์หรือสังคมดิจิตอล เป็นเหตุให้ผู้คนจำนวนมากเข้าถึงบริการ World Wide Web (WWW) และสามารถขอใช้บริการที่มีความหลากหลาย ฉะนั้นการใช้บริการที่เริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆและถี่ขึ้นเรื่อยๆ มีการใช้งานอินเตอร์เน็ตมากขึ้น ไม่ใช่แค่เพียง chat, เช็ค email,และเปิดหน้าเว็บเพื่ออ่านข่าวเท่านั้น หากแต่เป็นการใช้งานเพื่อเข้าสังคมผ่าน Group และ Web board รวมไปถึง Blog ส่วนตัว และ Community
เราจะเห็นตัวอย่างของ Web 2.0 ที่เป็นเกิด Cloud Computing อย่างชัดเจน ได้จาก Google Apps ที่รวมapplication ต่างๆผ่านจุดเดียว รวมไปถึงบริการที่มีอยู่มากมาย ตั้งแต่ search engine, gmail, picasa, google video,google doc, google calendar, youtube, google maps, google reader และ blogger เป็นต้น และเมื่อบริการและapplicationต่างๆเหล่านี้ทำงานเสมือนเป็นระบบเดียวกัน และสามารถแชร์ทรัพยากรใช้งานร่วมกันระหว่างผู้ใช้อื่นๆได้จะทำให้เกิด Cloud computing ขึ้นมาในที่สุด

cloud2

ตัวอย่างส่วนหนึ่งของระบบหรือบริษัทที่กำลังใช้ Cloud Computing ได้แก่ ระบบ Timesmachine ของNew York Times ที่ใช้บริการของ Amazon EC2 ในการสังเคราะห์ข่าวและจัดเก็บข่าวตั้งแต่ ค.ศ.1851 และเว็บยอดนิยมอย่าง Facebook ก็เลือกใช้ Amazon EC2 สำหรับการขยายความสามารถของระบบให้รองรับจำนวนผู้ใช้จำนวนมากที่เข้ามาใช้ Facebook Apps(application ที่บริการบน Facebook)พร้อมๆกัน ส่วนทางฝั่ง Google Apps ก็ได้ร่วมมือกับ Salesforce.com เช่นกัน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น